วิธีทําให้รักแร้ขาว

เคล็ดลับทำอย่างไรให้รักแร้ขาวเรียบ ด้วยวิธีง่ายๆ  จั๊กกะแร้ดำอยากขาว  แต่ไม่รู้จะทำยังไงดี  วันนี้ทางเว็บมีวิธีทำให้รักแร้ขาวด้วยวิธีธรรมชาติที่เป็นสูตรเด็ดตั้งแต่รุ่นคุณย่ามาฝากกันค่ะ ที่สาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่ทราบกัน


-ปิดกั้นทำการขัดเช็ดถูแรงเกินไป ไม่ว่าจะเป็นใช้เกลือขัด หรือหินขัดก็ตาม เพราะอาจจะทำให้เกิดรอยแผลหรือถลอกได้และเป็นรอยดำตามมาได้ เพราะในบริเวณใต้วงแขนเป็นบริเวณที่บอบบางมาก





-หันมาลดความอ้วนอย่างอย่างเป็นจริงเป็นจัง เพราะยิ่งมีน้ำหนักมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เกิดรอยเ่ยวย่นตรงบริเวณใต้วงแขนมากเท่านั้น ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือสร้างจะทำให้รักแร้คุณดูดำคล้ำกว่าปกติ และทำให้เกิดการเสียดสีอันเป็นต้นเหตุหลักของการเกิดรักแร้ดำ





-นำมะขามเปียกประสมกับน้ำผึ้งนะค่ะ แล้วนำมาทาที่จั๊กกะแร้ของเพื่อนๆ จากนั้นก็ทิ้งไว้ 5-10 นาที ทำอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง เป็นวิธีทําให้รักแร้ขาวที่ได้ผลจริงๆ นะจ้ะ





-ห้ามใช้น้ำหอมหรือโรลออนที่มีองค์ประกอบของแอลกอฮอล์ เพราะมันเป็นสาเหตุหลักทำให้รักแร้ดำ





-วิธีการเร่งด่วน มะนาวเปรี๊ยวเปรี้ยว เห็นลูกเล็กๆ อย่างงี้ แต่คุณภาพเต็มเปรี่ยมนะค๊า…ถ้าคุณสาวๆ อยากให้รักแร้ขาวสวยทันใจ women.mthai ขอแนะนำให้คุณสาวๆ เอามะนาวลูกเขียวๆ มาผ่าออกเป็นสองซีก แล้วนำเอามาถูใต้วงแขน ทิ้งไว้สัก 10-15 นาที อาจจะรู้สึกคันยิบๆ นั่นเป็นเพราะกรดของมะนาวค่ะ ไม่ต้องตกใจ ทำอย่างนี้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ รับรองขาวชัวร์





- เราสามารถหาซื้อเกลือสปาได้ที่ เซเว่น หรือ ห้างก็ได้ ซึ่งอย่าเข้าใจความหมายผิดว่าเป็นเกลือสำหรับใช้ทำอาหารน่ะค่ะเพราะเป็นเกลือคนล่ะตัวกัน เกลือสปาจะเป็นเม็ดทรายที่มีลักษณธเม็ดใหญ่และหยาบกว่าเกลือทำอาหารโดยปกติ ให้เรานำเกลือสปามาขัดใต้วงแขนของเราเบาๆ อย่าขัดแรงเด็ดขาด เกลือสปาจะช่วยผัดเซล์ผิวของเราที่ดำให้กับขาวขึ้นได้และจะทำให้ผิวของเราขาวเนียนนุ่มอีกด้วย





-ห้ามถอนหรือแว๊กซ์ขนรักแร้ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้วิธีการโกนแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบและเป็นการไปรบกวนผิวหนังใต้วงแขน

ปากดำทำไงดี

ใบหน้าสวยสดใส จะช่วยจุดประกายออร่าเบา ๆ ในตัวของคุณสุภาพสตรีแล้ว เสน่ห์ในเรียวปากสวยอมชมพู ยังดูสวยน่าจุ๊บ  และช่วยดูดดึงความสนใจจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกัน หากสาว ๆ คนไหนต้องเจอกับตัวปัญหาปากดำคล้ำอยู่ทุกวี่วัน แก้ไขอย่างไรก็ไม่หายสักที วันนี้เรามีวิธีเด็ดๆ แก้ปากคล้ำให้กลับมาอมชมพู นุ่มเนียนมาฝากกัน   แล้วคุณจะรู้ว่าปากดำ แก้ได้ไม่ยาก อย่างที่คิด


ก่อนอื่นสาวๆ ควรหาต้นเหตุและสังเกตที่มาของตัวปัญหาปากดำก่อนว่าเกิดจากที่ใด ? เพราะคงเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย อันเป็นต้นว่า เม็ดสีผิวเข้มบริเวณปาก กิริยาท่าทางส่วนตัว อาการแพ้หรือผลข้างเคียงสาเหตุจากยาสีฟันและลิปสติก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหมั่นดูแลริมฝีปากดำคล้ำด้วยวิธีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้







ปากดำทำไงดี : หมั่นทาลิปสติกถนอมริมฝีปากอยู่เสมอ

แต่ก่อนออกจากเรือนสาว ๆ ควรจะทาลิปมันที่มีส่วนประกอบของสารกันแสงแดดก่อนทาลิปสติกสีทุกคราว เพื่อปกป้องรักษาไม่ให้ปากดำคล้ำมากเพิ่มขึ้นไปอีก ส่วนก่อนลงนอนก็ควรทาพอกลิปบำรุงให้ชุ่มชื่น ซึ่งอาจพกไปทาเพิ่มในระหว่างวันด้วยก็ได้







แก้ปากดำ : ปรับเปลี่ยนความประพฤติที่ทำให้ปากดำ

โดยส่วนมากแล้วต้นเหตุของปากดำคล้ำ มักจะเกิดการพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเองทั้งสิ้น เช่น การเลียริมฝีปาก การสูบซิกาแรต แพ้ยาสีฟัน หรือแพ้ลิปสติก เป็นต้น หากสังเกตแล้วพบว่าแพ้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับปากให้หยุดหรือเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นแทน







ปากดําแก้ยังไง : ดื่มน้ำบริสุทธิ์มากๆ

ฟังดูง่ายเกินไปใช่มั้ยคะ แต่มีผลจริงค่ะ การกินน้ำสะอาดมากๆ  จะช่วยซ่อมแซมและบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น ใครที่หน้าหมองก็กลับมาใสได้ ใครที่ใต้ตาคล้ำก็อาการดีขึ้นได้ ใครที่ปากดำก็อาการดีขึ้นได้เช่นกัน ให้ใช้วิธีนี้ควบคู่กับวิธีอื่นๆด้วย รับรองว่าสภาพผิวและปากจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ







วิธีรักษาปากดํา : ใช้แปรงเป็นตัวช่วยเป็นประจำหลังแปรงฟัน

ใครจะรู้ว่าของใกล้ตัวอย่างแปรงสีฟันนี้ก็ช่วยขจัดปัญหาปากดำได้เหมือนกัน หลังจากที่คุณสาวๆ ถูฟันเสร็จแล้วให้ใช้แปรงค่อยถูไปมาแบบเบาๆ แถวริมฝีปากบนและล่างทำเสมอทุกวันติดต่อกัน จะช่วยขจัดเซลล์เก่าที่ตายแล้วทำให้ปากดูอมชมพูขึ้นได้







ปากดำทำไงดี : สครับปาก

เป็นการขัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำให้หลุดลอกไป และเพิ่มความเปียกชื้นให้กับริมฝีปาก โดยนำลิปบาล์ม หรือวาสลีน มาผสมกับน้ำผึ้ง และน้ำตาลทราย ให้ได้ความเข้มข้นพอเหมาะ แล้วนำมาถูหรือนวดริมฝีปากสัก 1-2 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น







ปากดําแก้ยังไง : เอาใจใส่ดูแลด้วยผลมะนาว

เอาลูกมะนาวมาฝานแล้วบีบน้ำออก ให้เหลือแต่ซีกมะนาว แล้วนำซีกผลมะนาวที่คั้นน้ำออกหมดแล้ว มาถูนวดริมฝีปาก หลังจากนั้นให้ทำการแปรงฟันตามเดิม วิธีนี้บางท่านใช้แล้วได้ผล ถ้าหากใครใช้แล้วให้ผลแย่กว่าเดิม ให้ใช้วิธีอื่นๆนะคะ

ใครอยากมีผมหนา อ่านที่นี่เลยนะค่ะ

มาดูเทคนิควิธีทําให้ผมหนาที่เราได้เรียบเรียงเอามาไว้ให้สาวๆ ได้ลองเอาไปใช้รักษาผมกันดีกว่า

น้ำมันพืชก็ทะนุถนอมเส้นผมของเราได้นะ 

เรื่องของการใช้น้ำมันพืชมากดและอาบเส้นผมนั้น  เป็นวิธีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล  ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าได้ผลเป็นอย่างมาก  เพราะน้ำมันพืชจะช่วยฟื้นฟู และบำรุงเส้นผมให้มีพลานามัยดีแข็งแรงขึ้นอีกด้วย  ถ้าสาวๆ ใช้น้ำมันพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันมะกอก  หรือน้ำมันพืชอื่นๆ  มาหนวดเส้นผมของคุณเพียงสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยการนวดและชโลมทิ้งไว้ 1-2 ชั่วโมง แล้วผลาญออกด้วยน้ำเปล่า  จะช่วยให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพดีขึ้นมาอย่างแน่นอนค่ะ



อย่าลืมบริหารร่างกายให้กับหนังศีรษะของคุณบ้าง

เพราะเส้นผมก็เหมือนกับร่างกายของเรา  ที่ต้องมีการออกกำลังกายกันบ้าง  แต่การออกกำลังกายให้เส้นผมนั้น  เราทำได้โดยการนวดที่หนังศีรษะค่ะ  ซึ่งหนังศีรษะของเรานั้นเป็นที่ให้กำเนิดและรากฐานของเส้นผม  เมื่อหนังศีรษะมีสุขภาพดี  ก็จะส่งผลให้เส้นผมของเรานั้นมีสุขภาพดีไปด้วย  การออกกำลังกายให้หนังศีรษะนั้น  ก็คือเราต้องมีการกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปที่หนังศีรษะเพื่อหล่อเลี้ยงเส้นผมของเราได้อย่างเต็มที่  เป็นการกระตุ้นให้หนังศีรษะคิดค้นเส้นผมขึ้นมาเร็วกว่าเดิมอีกด้วย  วิธีการก็เพียงแค่คุณนอนให้ศีรษะต่ำกว่าลำตัวของคุณ  หรือก้มศีรษะลงเพื่อให้เลือดลงมาเลี้ยงที่หนังศีรษะ  ทำท่านี้ประมาณ 30 นาทีแล้วเงยหน้าขึ้นมาอย่างค่อยๆ การทำแบบนี้แต่ละวันจะช่วยให้เส้นผมของคุณมีสุขภาพอนามัยดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเลยหล่ะค่ะ



 ไข่ไก่ก็สามารถช่วยให้ผมสวยได้

เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วนะค่ะ ว่าไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนชั้นยอด  ซึ่งเส้นผมของเราก็ต้องการโปรตีนในการเสริมสร้างและบำรุงอยู่เหมือนกัน  ดังนั้นการที่เราใช้ไข่มาหมักเส้นผมของเรานั้น  ก็เป็นเรื่องที่ดีเลยหล่ะค่ะ  ซึ่งวิธีการหมักเส้นผมด้วยไข่นั้น  ก็เพียงแค่คุณตีไข่ในถ้วยน้ำอุ่น  ต้องขอย้ำว่าแค่อุ่นนะค่ะ  ถ้าร้อนเกินไปไข่อาจจะสุกได้  เมื่อเราได้ไข่ผสมน้ำอุ่นแล้ว  ก็นำมาชโลมเส้นผมของเราให้ทั่วศีรษะ (อ้อ ! เกือบลืมบอก ว่าคุณต้องใช้น้ำเปล่าชโลมเส้นผมให้เปียกก่อนจะชโลมด้วยไข่นะค่ะ) แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที  เมื่อเวลาครบแล้วก็ให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นอีกรอบนึงค่ะ  แล้วอย่าลืมใช้แชมพูที่มีกลิ่นหอมมาใช้สระในขั้นตอนสุดท้ายด้วยนะค่ะ กลิ่นของไข่จะได้หมดไปยังไงหล่ะ